Vol25.AlfaToxin

ฉบับที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557




ตรวจ “อะฟลาท็อกซิน” แค่ 10 วินาที

อะฟลาท็อกซิน” (Aflatoxin) สารพิษจากเชื้อราที่พบในเมล็ดพันธุ์พืช มักจะพบในพืชตระกูลถั่วที่มีเมล็ดฝังอยู่ในดิน รวมถึงพริกแห้งและหัวหอม สารพิษดังกล่าวเชื่อมโยงกับการเป็นมะเร็งตับ อีกทั้งการใช้ความร้อนสูงในการปรุงอาหารก็ไม่สามารถทำลายสารพิษนี้ลงได้ ความเป็นอันตรายถึงสารพิษที่ปนเปื้อนมาในวัตถุดิบประกอบอาหารนี้ ทำให้องค์การอนามัยโลกกำหนดให้ในอาหารมีสารพิษนี้เปื้อนในอาหารได้ไม่เกิน 20 ppb แต่ในทางปฏิบัติไม่ควรมีสารพิษนี้อยู่เลย

แรงบันดาลใจในการทำเครื่องที่ใช้ตรวจสารอะฟลาท็อกซิน มาจากการกีดกันทางการค้าจากประเทศเกี่ยวกับการห้ามนำเข้าสินค้าที่มีสารอะฟลาทอกซิน นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค/เนคเทค จึงอยากพัฒนาเครื่องตรวจสารที่มีราคาแพงประมาณ 2 ล้านบาท และใช้เวลาตรวจนานถึง 7-8 ชั่วโมง ซึ่งไม่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอาหารที่ต้องตรวจหาสารพิษนี้ และในรายที่ไม่มีเครื่องตรวจแล้วต้อส่งตรวจตามห้องปฏิบัติการต่างๆ อาจต้องรอตรวจตัวอย่างนานเป็นสัปดาห์ การพัฒนาวิธีใหม่ที่สามารถตรวจอะฟลาท็อกซินได้ในเวลาเพียง 10 วินาที จึงเกิดขึ้น

 
วิธีการของเครื่องตรวจอะฟลาท็อกซินแบบเดิมจะแสดงแถบสีที่ต้องนำไปเทียบกับตาราง อีกครั้ง ทีมพัฒนาจึงออกแบบเครื่องตรวจที่แสดงผลเป็นตัวเลข โดยอาศัยหลักการวัดค่าปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้า ซึ่งเป็นหลักการใหม่ในการตรวจหาสารพิษใช้วัสดุแห่งอนาคตอย่าง “กราฟีน” โดยนำนาโนกราฟีนไปผลิตเป็นเซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดค่าปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้า ทำให้ใช้เวลาในการตรวจรวดเร็วไม่กี่วินาที แต่มีความแม่นยำถึง 98% ขณะที่ต้นทุนของเครื่องตรวจไม่ถึงแสนบาท

เครื่องตรวจวัดอะฟลาท็อกซินที่พัฒนาขึ้นมานี้อาศัยหลักการ วัดค่าปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าที่หัววัด ซึ่งหัววัดดังกล่าวเคลือบสารพิเศษที่ทำปฏิกิริยาเฉพาะอะฟลาท็อกซิน และพิมพ์วงจรด้วยนาโนกราฟีนซึ่งเป็นคาร์บอนรูปแบบหนึ่ง จากนั้นเครื่องตรวจวัดจะอ่านค่าปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าที่เกิดขึ้น และแสดงผลที่หน้าจอว่ามีสารพิษจากเชื้อรานี้กี่ ppb

ผู้ประกอบการอาหารสามารถใช้เครื่องตรวจวัดอะฟลาท็อกซินนี้แทนเครื่องตรวจทั่วไปที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศในราคานับล้านบาทได้ โดยวิธีการใช้เพียงนำตัวอย่างที่ต้องการบดมาผสมสารเคมีที่กำหนดให้ จนได้สารละลายแล้วนำไปลงหยดลงหัววัด ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง และเมื่อหยดสารละลายลงหัววัดแล้วเครื่องตรวจจะใช้เวลาเพียง 10 วินาทีเพื่อแสดงผล แล้วเปลี่ยนหัววัดเพื่อทดสอบตัวอย่างอื่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการทดสอบถูกกว่าแบบเดิม”


 
เครื่องตรวจวัดอะฟลาท็อกซิน เป็นความร่วมมือระหว่างเนคเทค /หน่วยวิจัยเเพื่อความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีชีวภาพกุ้ง ไบโอเทค และ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยใช้เทคนิค PCR (Polymerase Chain Reaction) ซึ่งเป็นวิธีการตรวจเดียวกับการตรวจไวรัสในกุ้ง (LAMP)  ใช้เทคนิคการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมแบบใหม่ที่ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า เมื่อสาธิตให้เห็นว่าสามารถตรวจดีเอ็นเอหรือสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสได้ ทางภาคเอกชนจึงให้ความเห็นว่า  น่าจะตรวจวัดสารอะฟลาท็อกซินได้เช่นกัน

ทีมวิจัยได้ใช้หลักการวัดปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้าที่ให้ไฟฟ้าขนาดเล็กในระดับไมโครแอมแปร์ แต่เนื่องจากปฏิกิริยาระหว่างหัววัดและสารอะฟลาท็อกซินให้ไฟฟ้าในระดับไม่ถึงไมโครแอมป์ เทคนิค LAMP ของทางไบโอเทคจึงมีความจำเป็นเพื่อใช้ขยายปริมาณดีเอ็นเอของเชื้อราให้เยอะขึ้น แล้วผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาเยอะขึ้น นอกจากนี้ยังใช้กราฟีนซึ่งเป็นวัสดุพิเศษทำเป็นหัววัด   ทำให้การวัดกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กทำได้ดีขึ้น



ตอนนี้ทีมวิจัยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ภาคเอกชนที่สนใจลงทุนผลิตเครื่องตรวจวัดอะฟลาท็อกซินดังกล่าว เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ประกอบการอาหารทุกประเภทที่ต้องใช้เมล็ดพันธุ์พืช ซึ่งหลังจากเปิดตัวให้ภาคเอกชนได้รู้จักเครื่องตรวจอะฟลาท็อกซิน ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากภาคเอกชนเป็นอย่างมาก และได้บริษัทเอกชนของคนไทยที่พร้อมรับการถ่ายเทคโนโลยีแล้ว ซึ่งเหลือเพียงการเจรจาในเรื่องรายละเอียด ส่วนสัญญาในการถ่ายทอดเทคโนโลยีนั้นเป็นแบบ non-exclusive เอกชนรายอื่นที่สนใจจึงยังติดต่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอีกได้ไม่จำกัด

สอบถามข้อมูล
วัฒณสิทธิ์ พิมเพา
ห้องปฏิบัติการวิจัยนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค
แล ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและถ่ายทอดเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2564 6900
โทรสาร 0 2564 6877
e-mail : btt@nnet.nectec.or.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น