41.June.TDR



ฉบับที่ 41 เดือนมิถุนายน 2558


เครื่องวัดความชื้นดิน เพิ่มความแม่นยำการให้น้ำพืชเกษตร


การให้น้ำของพืชที่มีความมากไป เป็นการใช้น้ำเกินความจำเป็น และไม่เป็นผลดีกับพืชที่ปลูก แล้วยังเป็นการบริหารจัดการน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพด้วย เราควรใช้อย่างเพียงพอ พอดี จึงจะได้ผลผลิตทางเกษตรที่มีประสิทธิภาพ

งานวิจัยเนคเทค  เครื่องวัดความชื้นระบบ TDR (Time Domain Response) จึงเข้าไปมีส่วนช่วยนำเทคโนโลยี การวัดความชื้นของดินเพื่อให้น้ำอย่างเหมาะสมแก่พืชเศรษฐกิจ

 

เครื่องมือวัดความชื้นที่มีความแม่นยำในท้องตลาดส่วนใหญ่มีราคาแพง หรือหากมีราคาถูกก็อาจให้ค่าวัดที่มีความน่าเชื่อน้อย จึงเป็นความท้าทายของนักวิจัยไทยที่ต้องพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นเองเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ และมีราคาที่เกษตรกรไทยสามารถซื้อหาได้ไม่ยาก

เครื่องวัดความชื้นระบบ TDR (Time Domain Response) เป็นผลงานการพัฒนาที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จ.นครราชสีมา ที่นำไปประยุกต์ใช้วัดความชื้นในดินของแปลงทดลองปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ 40 ไร่ เพื่อเป็นข้อมูลหาความเหมาะสมในการให้น้ำแก่มันสำปะหลังในแปลงทดลอง

โจทย์วิจัยมาจากสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส.ที่ตั้งคำถามว่า เราควรจะให้น้ำแก่พืชเกษตรอย่างมันสำปะหลังในปริมาณเท่าไรและเมื่อใด ซึ่งตามปกติการให้น้ำแก่พืชเกษตรมักเป็นไปตามความรู้สึกและแผนงาน อาทิ มีแผนการรดน้ำทุก 6 วัน แต่หากมีฝนตกลงมาระหว่างนั้น ควรจะรดน้ำในปริมาณเท่าเดิมหรือไม่ หรือช่วงไหนไม่จำเป็นต้องรดน้ำ จึงเกิดแนวคิดในการพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยบอกว่าช่วงไหนที่จำเป็นต้องรดน้ำหรือช่วงไหนไม่จำเป็น

ในเขตภาคอีสานรวมถึง จ.นครราชสีมามีการปลูกมันสำปะหลังกันเยอะและเป็นพืชเศรษฐกิจด้วย จึงต้องการปรับการให้น้ำตรงกับความต้องการของมันสำปะหลังมากที่สุด ไม่มากไป ไม่น้อยไป ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นในการพัฒนาระบบวัดความชื้นในดิน เป็นระบบที่มีเซ็นเซอร์วัดความชื้น อุปกรณ์ส่งข้อมูลวัด ระบบส่งข้อมูลแบบไร้สายด้วยคลื่นวิทยุ และแหล่งจ่ายพลังงานจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์


การทำงานของระบบวัดความชื้น
เซ็นเซอร์ระบบ TDR จะส่งคลื่นเป็นรัศมี 5 เซนติเมตรในดิน และวัดคลื่นสะท้อนกลับมาว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของคลื่นที่สะท้อนกลับมานั้น ขึ้นอยู่กับความชื้นในดิน เมื่อความชื้นในดินเปลี่ยนไป คลื่นที่สะท้อนกลับมาก็เปลี่ยนไป และเป็นการวัดเพื่อประยุกต์ว่าความชื้นระดับนั้นต้องรดน้ำในปริมาณเท่าไร” ดร.โอภาสอธิบาย และเพิ่มเติมว่าจุดที่ต้องพัฒนาต่อไปคือการเพิ่มระยะทางระหว่างตัวส่งสัญญาณข้อมูลความชื้นดินและตัวรับสัญญาณ ซึ่งปัจจุบันมีระยะห่างที่ 200 เมตร

ระบบส่งข้อมูลแบบไร้สายที่ทีมวิจัยเลือกมาใช้บันทึกข้อมูลความชื้นดินในแปลงปลูกมันสำปะหลัง เป็นระบบที่ส่งข้อมูลผ่านคลื่นวิทยุซึ่งมีต้นทุนถูกที่สุด เมื่อเทียบกับระบบส่งข้อมูลไร้สายอื่นๆ อาทิ การส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ หรือการส่งข้อมูลด้วยคลื่นประเภทเดียวกับ wi-fi ซึ่งเป็นระบบที่มีราคาแพง 



จุดเด่นของระบบ
  • เครือข่ายเซ็นเซอร์สามารถติดตามผลได้จากอินเทอร์เน็ต
    ระบบเก็บข้อมูลนำมาใช้ในการติดตาม สำหรับการปรับปรุง แก้ไขประสิทธิภาพการชลประทานในแปลงขนาดใหญ่
  • สามารถว้ดได้ในพื้นที่ทางการเกษตรที่น้ำท่วม เนื่องจากการวัดใช้การรับส่งสัญญาณด้วยคลื่นวิทยุ
  • สามารถซื้อไปใช้ได้เลย ไม่ต้องคิดถึงจุดคุ้มทุน  ลดต้นทุนในการผลิต



การติดต่อนักวิจัย
ดร.โอภาส ตรีทวีศักดิ์
ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์
 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ



42.july.worm silk



 ฉบับที่ 42 เดือนกรกฎาคม 2558


ระบบตรวจเพศหนอนไหมความแม่นยำสูงด้วยแสง


การนำรังของหนอนไหมมาทำเป็นเส้นไหมและทอเป็นเครื่องนุ่งห่มนั้นมีมานานแล้ว การผลิตรังของหนอนไหมแบบครบวงจรก็เริ่มพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ และขยายไปสู่อุตสาหกรรมในครัวเรือน และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มูลค่าทางด้านเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมการผลิตไหมและเครื่องนุ่งห่มที่ทำจากเส้นไหมของประเทศไทยอยู่ในระดับหลายพันล้านบาท

สิ่งที่ได้ระหว่างการเลี้ยงไหม การปลูกหม่อน และผลิตภัณฑ์จากเส้นไหมนั้น สามารถสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจได้ ยกตัวอย่างเช่น มูลของหนอนไหมที่ถ่ายออกมาระหว่างการเจริญเติบโตสามารถนำไปสกัดสารวิตามินเค สำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสามารถนำไปทำผลิตภัณฑ์ชาขี้ไหม ส่วนรังไหมเองนอกเหนือจากนำไปทำเป็นเส้นไหมและทอเป็นผ้าไหมที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านทางลวดลายการทอ และแบบของเครื่องนุ่งห่มแล้ว ยังสามารถนำไปละลายเป็นน้ำดื่มบำรุงสุขภาพได้อีก

ในการผลิตรังของหนอนไหมมีหลายกระบวนการ ซึ่งกระบวนการที่สำคัญกระบวนการหนึ่ง คือ การคัดแยกเพศของหนอนไหม ในช่วงการเติบโตของหนอนไหมที่เหมาะสมเพื่อจะได้ติดตามการเจริญเติบโต ความแข็งแรง ลักษณะสำคัญที่นำมาใช้ในขั้นตอนการผสมพันธุ์ต่อไป วิธีการที่สามารถคัดแยกเพศของไหมได้ถูกต้องมากที่สุดก็คือ การตรวจลักษณะทางพันธุกรรม แต่เนื่องจากวิธีการนี้เป็นแบบทำลายที่จะต้องเสียหนอนไหมไป จึงไม่ได้นำมาใช้ในอุตสาหกรรม การใช้ภาพถ่ายคลื่นแม่เหล็ก (Magnetic Resonance Imaging) ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่นอกจากจะใช้ศึกษาการเติบโตและการเปลี่ยนรูปร่างในระยะต่างๆ ของตัวไหมได้ ยังได้มีการนำเสนอเพื่อใช้ระบุเพศของตัวไหมด้วย แต่วิธีนี้ก็มีราคาสูง และประสิทธิภาพในการคัดแยกยังไม่สูงมากนัก จึงทำให้วิธีการนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ หรือการหาตัวช่วยพื้น ๆ มาช่วย เช่นคัดแยกจากการสังเกตด้วยตาเปล่า ดูจากก้นหนอนไหมระยะที่เป็นดักแด้ หรือการดูสีที่รังของหนอนไหม ก็ยังไม่สามารถคัดแยกเพศของหนอนไหมได้ดี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวิธีที่ศูนย์วิจัยหม่อนไหมเองก็เคยนำมาใช้ การนำถาดมาเจาะรูหลาย ๆ รูโดยให้แต่ละรูมีขนาดเท่ากับขนาดของรังของหนอนไหมเพศผู้จะทำให้คัดแยกเพศของหนอนไหมได้รวดเร็วขึ้น  แต่เนื่องจากในปัจจุบันมีการพัฒนาของพันธุ์ไหมมากขึ้นรวมไปถึงการอัตราการเจริญเติบโตของหนอนไหมแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกัน ทำให้น้ำหนักและขนาดของรังไหมหรือของดักแด้ของหนอนไหมที่เป็นเพศเมียมีค่าใกล้เคียงกับของเพศผู้ได้ ส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดสูงในระหว่างการคัดแยกเพศดักแด้ของหนอนไหม ปัจจุบันศูนย์วิจัยหนอนไหมบางศูนย์ได้ยกเลิกวิธีการนี้ไปแล้ว

หลายๆ วิธี ที่นำมาใช้มีข้อบกพร่อง ปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการคัดแยกเพศหนอนไหมได้ผลไม่ตรงกับความต้องการ ห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์จึงได้มีการนำองค์ความรู้ทางแสงเพื่อเข้ามาช่วยเพื่อใช้คัดแยกเพศของหนอนไหม 



ห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์ จึงนำเสนอการตรวจสอบทางกายวิภาคโดยเฉพาะเอกลักษณ์หรืออวัยวะภายในที่สามารถใช้ในการระบุเพศดักแด้ของหนอนไหมได้อย่างต่อมไคติน (Chitin gland) เนื่องจากผิวหนังดักแด้ของหนอนไหมมีองค์ประกอบของไคตินอยู่และตัวดักแด้ของหนอนไหมก็มีขนาดของความหนาไม่เกิน 10 มิลลิเมตร ทำให้เราสามารถใช้แหล่งกำเนิดแสงที่ให้กำลังของแสงต่ำ และให้แสงที่มีความยาวคลื่นยาวอย่างแสงสีแดงในย่านที่ตามองเห็นที่มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 600 นาโนเมตร ขึ้นไปจนถึงแสงในย่านอินฟราเรดใกล้ที่มีความยาวคลื่น 1100 นาโนเมตรได้ เพราะคุณสมบัติของแสงอย่างหนึ่งก็คือ สามารถแผ่ทะลุลงไปยังวัสดุที่เป็นไคตินได้ดี ไม่เป็นอันตรายต่อตัวดักแด้ของหนอนไหม และยังช่วยให้เห็นองค์ประกอบภายในที่ที่แสงเคลื่อนที่ผ่านไปในตัวด้วย เมื่อนำองค์ความรู้ดังกล่าวมาผสมผสานเข้ากับการประมวลผลภาพจะทำให้สามารถตรวจสอบเพศดักแด้ของหนอนไหมได้อย่างรวดเร็ว มีกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน และไม่มีการสัมผัสกับตัวดักแด้ของหนอนไหมระหว่างทำการตรวจสอบ 

เทคโนโลยีที่นำมาใช้
ใช้เทคโนโลยีเชิงแสงโดยใช้คุณสมบัติในด้านการทะลุทะลวงของแสงและควบคุมให้ได้ ระดับความเข้มของแสงที่เหมาะสม มาผสมผสานเข้ากับหลักการประมวลผลภาพ ทำให้สามารถตรวจเพศ หนอนไหมที่มีความแม่นยำสูง มีความรวดเร็ว และมีต้นทุนในการผลิตต่ำ

การนำไปใช้งาน
ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ขอนแก่น)  นำไปเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานด้านการค้ำเพศดักแด้ เพื่อผลิตไข่ไหม แจกจ่ายให้กับเกษตรกร


วิจัยและพัฒนา โดย
ห้องปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีโฟโทนิกส์
หน่วยวิจัยอุปกรณ์และระบบอัจฉริยะ